คำชี้แจง
วิธีการปฏิบัติที่ได้เขียนไว้ในเล่มนี้ย่อมเพียงพอสำหรับบุคคลผู้มีปัญญาปานกลางได้อย่างดี ขอเพียงแต่ให้มีศรัทธา ฉันทะ และวิริยะแล้วลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ย่อมเข้าถึงวิปัสสนาญาณ มรรคญาณ และผลญาณอย่างแน่นอน
อนึ่ง เกี่ยวกับคุณวิเศษต่าง ๆ ที่พึงเห็นได้ด้วยญาณนั้น ข้าพเจ้ามิได้นำมาแสดงไว้ทั้งหมด ยังมีอีกมากมายที่ยังเหลืออยู่ และการที่บุคคลจะสามารถเห็นญาณได้ทั้งหมดนั้นย่อมเป็นเรื่องยาก บางคนอาจเห็นละเอียด บางคนอาจเห็นชัด บางคนอาจเห็นเลือนบางแตกต่างกันไป สุดแล้วแต่ความแก่กล้าแห่งบารมีของแต่ละบุคคล
นอกจากนี้ ศรัทธา ฉันทะ วิริยะของนักปฏิบัติ ก็ใช่จะแก่กล้าเสมอไป หากมัวใช้แต่หนังสือเป็นคู่มืออย่างเดียว ก็จะไม่พ้นจากความสงสัยได้ คงเป็นเหมือนบุคคลที่ไม่เคยเดินทางไปในที่ ๆ ตนไม่เคยไป ด้วยเหตุนั้น บุคคลสามัญทั่วไปซึ่งถ้าหากไม่มีอาจารย์คอยเอาใจใส่แล้ว การที่จะได้วิปัสสนาญาณ มรรคญาณ ผลญาณย่อมมิใช่เรื่องง่าย ดังนั้น สัตบุรุษผู้ปรารถนาที่จะรู้แจ้งพระนิพพานพึงรับเอาวิธีการปฏิบัติในสำนักของครูอาจารย์ผุ้เป็นกัลยาณมิตร ซึ่งสามารถชี้แนะได้โดยถูกต้องตามหลักพระปริยัติและเคยปฏิบัติมาแล้วอย่างถูกวิธีจนสามารถแสดงวิปัสสนาญาณ มรรคญาณ ผลญาณ ปัจจเวกขณญาณ และผลสมาบัติได้อย่างเชี่ยวชาญ ซึ่งตรงกับพระบาลีที่มาในสังยุตตนิกาย นิทานวรรคว่า ยถาภูตํ ญาณาย ปริเยสิตพฺโพ พึงแสวงหาครูอาจารย์เพื่อให้ได้รับข้อมูลความรู้ที่ถูกต้อง อย่าได้มีทิฏฐิมานะถือตัวว่า เราเป็นคนเก่ง เป็นคนวิเศษ ไม่จำเป็นต้องไปรับฟังคำแนะนำจากใคร ควรนึกถึงเรื่องของการประพฤติปฏิบัติของพระเถระสมัยก่อน เช่น พระโปฏฐิละพยายามข่มมานะของตัวเองลงให้จงได้ และในเวลาปฏิบัติก็ให้พยายามระลึกถึงพระพุทธดำรัสที่ว่า
นยิทํ สิถิลมารพฺภ นยิทํ อปฺเปน ถามสา
นิพพฺพานํ อธิคนฺตพฺพํ สพฺพทุกฺขปฺปโมจนํ.
(สํ. นิ. ๑๖/๒๓๘/๒๖๓)
ภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่าพระนิพพานนี้เป็นที่ปลดเปลื้องจากวัฏฏทุกข์ทั้งปวง ใคร ๆ ไม่พึงบรรลุได้ด้วยกำลังเล็ก ๆ น้อย ๆ (การทำเหยาะ ๆ แหยะ ๆ)
ดังนั้น ผู้ต้องการความหลุดพ้นจากทุกข์ จะต้องประพฤติอย่างจริงจัง โดยไม่ย่อท้อ เพื่อจะได้ลิ้มรสแห่งความสุข กล่าวคืออมตนิพพานตามที่ต้องการได้